วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

การใช้internet อย่างปลอดภัย

การใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย


การใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างปลอดภัย

หลักการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย
ในปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ บนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก เพราะเป็นช่องทางที่สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงธุรกิจและพาณิชย์ในด้านต่างๆ ช่วยในเรื่องการลดระยะเวลาและต้นทุนในการติดต่อสื่อสาร แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้โดยทั่วไป ยังไม่เห็นความสำคัญ ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยเท่าที่ควร เนื่องจากยังขาดความรู้ในการใช้งานและวิธีป้องกัน หรืออาจคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมาก ในการใช้งาน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเองแล้ว ก็ทำให้ตนเองเดือดร้อน เราสามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ ดังนี้ 

1 ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
2 ไม่ส่งหลักฐานส่วนตัวของตนเองและคนในครอบครัวให้ผู้อื่น เช่น สำเนาบัตรประชาชน เอกสารต่างๆ รวมถึงรหัสบัตรต่างๆ เช่น เอทีเอ็ม บัตรเครดิต ฯลฯ
3 ไม่ควรโอนเงินให้ใครอย่างเด็ดขาด นอกจากจะเป็นญาติสนิทที่เชื่อใจได้จริงๆ
4 ไม่ออกไปพบเพื่อนที่รู้จักทางอินเทอร์เน็ต เว้นเสียแต่ว่าได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครอง และควรมีผู้ใหญ่หรือเพื่อนไปด้วยหลายๆ คน เพื่อป้องกันการลักพาตัว หรือการกระทำมิดีมิร้ายต่างๆ
5 ระมัดระวังการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต รวมถึงคำโฆษณาชวนเชื่ออื่นๆ เด็กต้องปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยต้องใช้วิจารณญาณ พิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ขาย

6 สอนให้เด็กบอกพ่อแม่ผู้ปกครองหรือคุณครู ถ้าถูกกลั่นแกล้งทางอินเทอร์เน็ต (Internet Bullying)
7 ไม่เผลอบันทึกยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดขณะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ
อย่าบันทึก!ชื่อผู้ใช้และพาสเวิร์ดของคุณบนเครื่องคอมพิวเตอร์นี้” อย่างเด็ดขาด เพราะผู้ที่มาใช้เครื่องต่อจากคุณ สามารถล็อคอินเข้าไป จากชื่อของคุณที่ถูกบันทึกไว้ แล้วสวมรอยเป็นคุณ หรือแม้แต่โอนเงินในบัญชีของคุณจ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ที่เขาต้องการ ผลก็คือคุณอาจหมดตัวและล้มละลายได้
8 ไม่ควรบันทึกภาพวิดีโอ หรือเสียงที่ไมเหมาะสมบนคอมพิวเตอร์ หรือบนมือถือ
เพราะภาพ เสียง หรือวีดีโอนั้นๆ รั่วไหลได้ เช่นจากการแคร็ก ข้อมูล หรือถูกดาวน์โหลดผ่านโปรแกรม เพียร์ ทู เพียร์ (P2P) และถึงแม้ว่าคุณจะลบไฟล์นั้นออกไปจากเครื่องแล้ว ส่วนใดส่วนหนึ่งของไฟล์ยังตกค้างอยู่ แล้วอาจถูกกู้กลับขึ้นมาได้ โดยช่างคอม ช่างมือถือ
9 จัดการกับ Junk Mail จังค์ เมล์ หรือ อีเมล์ขยะ
ปกติ การใช้อีเมล์จะมีกล่องจดหมายส่วนตัว หรือ Inbox กับ กล่องจดหมายขยะ Junk mail box หรือ Bulk Mail เพื่อแยกแยะประเภทของอีเมล์ เราจึงต้องทำความเข้าใจ และเรียนรู้ที่จะคัดกรองจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตัวเอง เพื่อกันไม่ให้มาปะปนกับจดหมายดีๆ ซึ่งเราอาจเผลอไปเปิดอ่าน แล้วถูกสปายแวร์ แอดแวร์เกาะติดอยู่บนเครื่อง หรือแม้แต่ถูกไวรัสคอมพิวเตอร์เล่นงาน
10 จัดการกับแอดแวร์ สปายแวร์
จัดการกับสปายแวร์แอดแวร์ที่ลักลอบเข้ามาสอดส่องพฤติกรรมการใช้เน็ตของคุณ ด้วยการซื้อโปรแกรมหรือไปดาวน์โหลดฟรีโปรแกรมมาดักจับและขจัดเจ้าแอดแวร์ สปายแวร์ออกไปจากเครื่องของคุณ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีได้ที่
แต่แค่มีโปรแกรมไว้ในเครื่องยังไม่พอ คุณต้องหมั่นอัพเดทโปรแกรมออนไลน์และสแกนเครื่องของคุณบ่อยๆด้วย เพื่อให้เครื่องของคุณปลอดสปาย ข้อมูลของคุณก็ปลอดภัย
* โปรแกรมล้าง แอดแวร์ และ สปายแวร์ จะใช้โปรแกรมตัวเดียวกัน ซึ่งบางครั้งเขาอาจตั้งชื่อโดยใช้แค่เพียงว่า โปรแกรมล้าง แอดแวร์ แต่อันที่จริง มันลบทิ้งทั้ง แอดแวร์ และสปายแวร์พร้อมๆ กัน เพราะเจ้าสองตัวนี้ มันคล้ายๆ กัน 

11 จัดการกับไวรัสคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจำเป็นต้องมีโปรแกรมสแกนดักจับและฆ่าไวรัส ซึ่งอันนี้ควรจะดำเนินการทันทีเมื่อซื้อเครื่องคอม เนื่องจากไวรัสพัฒนาเร็วมาก มีไวรัสพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน แม้จะติดตั้งโปรแกรมฆ่าไวรัสไว้แล้ว ถ้าไม่ทำการอัพเดทโปรแกรมทางอินเทอร์เน็ต เวลาที่มีไวรัสตัวใหม่ๆ แอบเข้ามากับอินเทอร์เน็ต เครื่องคุณก็อาจจะโดนทำลายได้
12 ใช้ Adult Content Filter ในโปรแกรม P2P
สำหรับผู้ชื่นชอบการดาวน์โหลดผ่านโปรแกรมแชร์ข้อมูล P2P ให้ระวังข้อมูลสำคัญ ไฟล์ภาพ วีดีโอส่วนตัว หรืออะไรที่ไม่ต้องการจะเปิดเผยสู่สาธารณะชน ควรบันทึกลงซีดี ดีวีดี หรือเทปไว้ อย่าเก็บไว้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะคุณอาจถูกเจาะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปได้
13 กรองเว็บไม่เหมาะสมด้วย Content Advisor ในอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ
ในโปรแกรมเว็บ บราวเซอร์ อย่าง อินเทอร์เน็ต เอ็กซ์พลอเรอ ก็มีการตั้งค่า คอนเทนท์ แอดไวเซอร์ หรือฟังก์ชั่น การกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สามารถเปิดเข้าไปในเว็บไซท์ที่มีภาพและเนื้อหา โป๊ เปลือย ภาษาหยาบคาย รุนแรงได้ และยังมีการตั้งพาสเวิร์ด หรือรหัส สำหรับผู้ปกครอง เพื่อกันเด็กเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าของคุณ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปปลดล็อกได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณจำเป็นต้องเข้าเว็บไซท์บางเว็บไซท์
ที่มา

ทันภัยการใช้ Internet


วิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์

ปัจจุบันการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ประชาชนมีการใช้สื่อสารสนเทศครอบคลุมเกือบทุกด้านของวิถีชีวิต ทั้งการติดต่อสื่อสาร การเสพข่าวสารและความบันเทิงต่างๆ การดำเนินธุรกิจ หรือธุรกรรมทางการเงิน ตลอดจนการใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ซึ่งได้กลายเป็นช่องว่างให้เหล่าอาชญากรใช้สื่อสารสนเทศในการหลอกลวงผู้อื่น ส่งผลให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อทั้งโดยตรงหรือโดยอ้อม เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตถูกแฮกเกอร์ขโมยแล้วนำไปทำธุรกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย และส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลบัตรที่กระทำความผิดโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น ผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศควรระมัดระวังและทราบวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
วิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
นั้นๆก็อาจจะอนุญาตให้ผ่านเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
            ผู้ใช้งานส่วนใหญ่อาจไม่ทันได้ตระหนักว่าภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตนเองนั้นมีข้อมูลสำคัญและเป็นที่ต้องการของอาชญากรมากเพียงใด จึงอาจทำให้ละเลยการติดตั้งโปรแกรมที่สามารถช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ไปเสีย เหตุผลที่ผู้ไม่หวังดีต้องการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของเรามีอยู่ด้วยกันหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น ต้องการทำลายข้อมูลสารสนเทศหรือระบบคอมพิวเตอร์ของเรา ทำให้คอมพิวเตอร์ของเราเกิดความเสียหาย เช่น ข้อมูลในเครื่องหายไป เปิดเครื่องไม่ได้ ต้องการขโมยข้อมูลสำคัญๆในเครื่องของเรา เช่น บัญชีผู้ใช้ พาสเวิร์ด เลขบัญชีธนาคาร เพื่อขโมยเงินในบัญชีธนาคารของเรา หรือขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราเพื่อนำไปหลอกลวงผู้อื่นอีกทอดหนึ่ง ประการสุดท้ายคือ ต้องการทำลายระบบคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆเป็นทอด โดยผู้ไม่หวังดีจะทำการบุกรุกและปล่อยไวรัสหรือโปรแกรมที่ไม่หวังดีเข้ามาฝังตัวอยู่ในเครื่องของเราก่อน จากนั้นไวรัสหรือโปรแกรมเหล่านั้นจะสั่งการให้คอมพิวเตอร์ของส่งต่อไวรัสไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆอีกเป็นทอดๆ อาจทำโดยการส่งอีเมล์ที่ติดไวรัสหรือมีโปรแกรมอันตรายแนบไปด้วยไปให้เพื่อนเรา เป็นต้น
วิธีป้องกันสามารถทำได้โดยการตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งหลังการใช้งาน ติดตั้งไฟร์วอลล์หรือโปรแกรมแอนติไวรัสลงในเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยสกัดกั้นไวรัสหรือโปรแกรมที่ไม่หวังดีเหล่านี้ ไม่ให้เข้ามาทำลายระบบคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งควรหมั่นอัพเดตการทำงานของโปรแกรมให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการติดไวรัสตัวใหม่ๆที่อาจถูกสร้างขึ้นมาใหม่ตลอดเวลา

       การสวมรอยบุคคล (Identity Theft)
ในปัจจุบัน นอกจากการขโมยเอกสารสำคัญเช่น บัตรประจำตัวประชาชน บัญชีธนาคารที่อยู่ในรูปแบบของกระดาษแล้ว ยังมีการขโมยในอีกรูปแบบหนึ่งนั่นก็คือการขโมยเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่อาจเผลอวางทิ้งไว้โดยตรง เมื่อเอกสารหรือข้อมูลสำคัญเหล่านั้นถูกขโมยไปแล้ว ผู้ไม่หวังดีอาจนำไปขายต่อเพื่อเอาเงินหรืออาจสวมรอยเป็นเจ้าของเอกสารนั้นและทำธุรกรรมต่างๆเสมือนเป็นเจ้าของเอกสารจริงๆ เช่น ขโมยบัญชีและพาสเวิร์ดของธนาคารออนไลน์เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ไม่หวังดี หรือนำเงินในบัญชีไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ผู้เสียหายได้รับผลกระทบ เสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง และเสียประวัติในคดีที่ตนเองไม่ได้ก่อ เป็นต้น

วิธีการป้องกันสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
       ระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญๆ เช่น เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน บัตรเครดิต เลขที่บัญชีธนาคาร พาสเวิร์ดต่างๆ เพราะผู้ไม่หวังดีจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการเข้าสู่บัญชีผู้ใช้ในเว็บไซต์ต่างๆหรือบัญชีธนาคารออนไลน์ของเรา
       ให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเลขที่หรือรหัสบัตรเครดิต เช่นในการกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มออนไลน์ ควรจะทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ที่ไว้ใจได้และควรตรวจสอบชื่อและที่อยู่เว็บไซต์ให้ดีทุกครั้ง นอกจากนี้พึงระลึกไว้เสมอว่าธนาคารจะไม่มีการร้องขอให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวใดๆผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หากผู้ใช้งานพบเจอ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าคือเว็บไซต์ปลอม
        เวลาที่ผู้ใช้งานจะซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ ควรที่จะตรวจเช็คให้ดีก่อนทำการสั่งซื้อว่าเว็บไซต์นั้นสามารถเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด มีประวัติย้อนหลังในการโกงลูกค้าคนก่อนๆหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจโอนเงินหรือให้ข้อมูลบัตรเครดิตแก่เขาไป
        เลือกใช้พาสเวิร์ดที่ยากต่อการคาดเดา อย่าใช้พาสเวิร์ดที่สามารถเดาได้ง่าย เช่น พ.ศ.เกิด เบอร์โทรศัพท์สี่ตัวหลังหรือเลขบัตรประชาชนสี่ตัวหลังเป็นต้น อีกทั้งควรหมั่นเปลี่ยนพาสเวิร์ดใหม่บ่อยๆ เช่น ทุกๆ 3 เดือนหรือ 6 เดือน และอย่าใช้พาสเวิร์ดซ้ำๆกันกับบัญชีผู้ใช้ทุกอันที่เรามี เพราะถ้าหากผู้ไม่หวังดีนั้นรู้พาสเวิร์ดของเรา เขาจะสามารถเข้าบัญชีผู้ใช้ของเราได้ทั้งหมดและจะทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก

        โปรแกรมโทรจัน (Trojan Program)
            โปรแกรมโทรจันนั้นคือโปรแกรมที่เข้ามาสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานและฝังตัวทำงานอยู่ในคอมพิวเตอร์โดยที่คุณไม่รู้ตัว โปรแกรมโทรจันนี้อาจติดมากับไฟล์ที่ถูกแนบว่าในอีเมล์ หรือติดมากับแฟลชไดรฟว์หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดพกพาอื่น เมื่อนำแฟลชไดรฟว์ไปเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆก็จะทำให้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นติดโปรแกรมโทรจันได้ ส่วนสาเหตุที่เรียกว่า โทรจัน นั้นก็เป็นเพราะว่าโปรแกรมนี้ใช้หลักการทำงานเดียวกันกับม้าโทรจันในนิยายปรัมปราของกรีก ที่มองภายนอกก็เป็นเพียงแค่ม้าไม้ธรรมดาๆ โปรแกรมไม่มีใครรู้ว่ามีข้าศึกแอบซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้นั้น เมื่อถูกนำเข้าไปในอาณาจักรของศัตรู ข้าศึกก็ออกมาโจมตีเมืองของศัตรูจนย่อยยับ เช่นเดียวกับโปรแกรมโทรจันที่แฝงตัวอยู่กับไฟล์ประเภทต่างๆ เมื่อผู้ใช้งานดาวน์โหลดไฟล์นั้นเข้าไปในตัวเครื่อง โทรจันก็เข้าสู่ตัวเครื่องด้วย และทำลายระบบคอมพิวเตอร์ของคุณในที่สุด อย่างไรก็ดี การที่เราดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมที่มีโทรจันแฝงมาด้วยนั้น โทรจันจะยังไม่ทำงานหรือฝังตัวลงในคอมพิวเตอร์ทันที โทรจันจะฝังตัวลงในคอมพิวเตอร์ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานสั่งรันหรือติดตั้งลงในคอมพิวเตอร์เท่านั้น
วิธีการป้องกันก็คือ ผู้ใช้งานจึงต้องระมัดระวังในการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งข้อมูลหรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น อีกทั้งควรติดตั้งโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการดักจับหรือสกัดกั้นโทรจันเพื่อไม่ให้เข้าไปทำความเสียหายแก่เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้ และหมั่นอัพเดตโปรแกรมเพื่อให้โปรแกรมสามารถดักจับโทรจันตัวใหม่ได้เสมอ อีกทั้งยังควรสแกนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเพื่อความปลอดภัยด้วย

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

บริการต่าง ๆ ของอินเตอร์เน็ต


1. World Wide Web (WWW) เครือข่ายใยแมงมุม
          เป็นการเข้าสู่ระบบข้อมูลอย่างข้อมูลในรูปของ Interactive Multimedia คือ มีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดีโอ อีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ระบบที่เรียกว่า hypertext กล่าวคือ จะมีคำสำคัญหรือรูปภาพในข้อมูลนั้นที่จะช่วยให้ท่าน เข้าสู่รายละเอียดที่ลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้น คำสำคัญดังกล่าวจะเป็นคำที่เป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ เพียง แต่ท่านเลือกกด ที่คำ ที่เป็นตัวหนาหรือขีดเส้นใต้ นั้น ๆ ท่านก็สามารถเข้าสู่ข้อมูลเพิ่มเติมได้ (ข้อมูลเหล่านี้จะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ ทั่วโลก)
                        

2. ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail)
    เป็นบริการหนึ่งบนอินเทอร์เนตที่คนนิยมใช้กันมากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพิวเตอร์ถึงผู้ที่มีบัญชีอินเตอร์เน็ต ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลคนละซีกโลกจดหมายก็จะไปถึงอย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายดายโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่
Hotmail  , YahooMail , ThaiMail และยังมี Mail ต่าง ๆ ที่ให้บริการอย่างมากมายในปัจจุบัน ตามหน่วยงานหรือ
องค์กรต่าง ๆ